การส่งนักกีฬาและเจ้าหน้าที่จากประเทศไทย ไปเข้าร่วมการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ณ เมืองหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน “หางโจวเกมส์” ในช่วงวันที่ 23 ก.ย.-8 ต.ค. 66 ใช้งบประมาณทั้งหมดประมาณเท่าไหร่ และใช้ในการดำเนินการส่วนไหนบ้าง เป็นคำถามที่เชื่อว่ามีผู้อยากทราบ
นายประชุม บุญเทียม รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา ซึ่งเป็นผู้ดูแลการรับและจ่ายงบ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ไทยไปร่วมศึก “หางโจวเกมส์” มีคำตอบในรายละเอียดที่สนใจครั้งนี้
โดยได้เปิดเผยว่า จากที่ประเทศไทย ส่งนักกีฬาและเจ้าหน้าที่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ จำนวน 40 ชนิดกีฬา มีนักกีฬาและเจ้าหน้าที่จากไทยไปร่วมรวมแล้วจำนวน 1,411 คน
ในด้านงบประมาณที่เกี่ยวข้อง เริ่มจากการเก็บตัวฝึกซ้อมนักกีฬา ที่แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ตั้งแต่ 1 พ.ย. 2564-30 ก.ย. 65 และอีกช่วงคือ 1 ต.ค. 2565-20 ก.ยคำพูดจาก เว็บตรง. 66 รวมแล้วทั้งหมด 2 ช่วงเก็บตัวนักกีฬา จะเป็นจำนวน 689 วัน และใช้เงินในการเก็บตัวเป็นจำนวนเงินรวม 1,135,942,841 บาท
ซึ่งงบทั้งหมดในการเก็บตัว 1,135,942,841 บาท นั้น เป็นงบการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ
นอกจากนี้จะมีงบประมาณค่าใช้จ่ายในการจัดส่งคณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมการแข่งขัน “หางโจวเกมส์” ซึ่งเป็นช่วงการแข่งขัน โดยแยกงบนี้ออกเป็น 2 ส่วน ซึ่งส่วนแรก เป็นงบประมาณจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เพื่อเป็นเบี้ยเลี้ยงนักกีฬา เจ้าหน้าที่ทั้งหมด 24,016,000 บาท, ค่าที่พัก อาหาร 30,493,750 บาท, ค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน 43,572,000 บาท, ค่าประกันความเสียหายในหมู่บ้านนักกีฬา 2,212,000 บาท, ค่าอุปกรณ์การแข่งขัน 15,000,000 บาท, ค่าขนส่งอุปกรณ์และค่าเช่าอุปกรณ์ 16,600,000 บาท, ค่าน้ำหนักส่วนเกิน 1,000,000 บาท, ค่าเวชภัณฑ์การแพทย์ 1,250,000 บาท, ค่าประกันภัย 83,000 บาท
อีกส่วนเป็นงบประมาณของการกีฬาแห่งประเทศไทย รวมเป็นเงิน 12,903,750 บาท โดยใช้ในส่วนเบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่ทีม 2,416,800 บาท, ค่าธรรมเนียมการโอนเงิน 3,000 บาท, ค่าเครื่องแต่งกาย 6,981,450 บาท, ค่ารองเท้า ถุงเท้า นักกีฬา และเจ้าหน้าที่ ทั้งหมด 3,202,500 บาท, ค่าของที่ระลึกสำหรับการแลกเปลี่ยนกับต่างประเทศ 300,000 บาท
“ในส่วนทั้งหมดนี้ สรุปได้ว่าแหล่งเงินในการสนับสนุนทั้งหมดที่กล่าวมา ซึ่งเกี่ยวกับการเตรียมและการส่งนักกีฬา เจ้าหน้าที่ ไป “หางโจวเกมส์” ครั้งนี้ เป็นเงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จำนวน 1,270,169,591 บาท และจากการกีฬาแห่งประเทศไทย จำนวน 12,903,750 บาท รวมทั้งหมด 1,283,073,341 บาท” นายประชุม เผยในตอนท้าย